วิธีเลือกถังเก็บน้ำสำหรับบ้านพักอาศัยให้เหมาะสมและเพียงพอ
ถังเก็บน้ำเป็นอุปกรณ์คู่บ้านที่สำคัญไม่แพ้ปั๊มน้ำ ทำหน้าที่สำรองน้ำประปาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน, ช่วยให้ปั๊มน้ำทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, และยังช่วยกรองตะกอนเบื้องต้นอีกด้วย การเลือกขนาดถังเก็บน้ำที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมีน้ำใช้อย่างสบายใจในทุกสถานการณ์
ทำไมทุกบ้านควรมีถังเก็บน้ำ?
- สำรองน้ำไว้ใช้ยามฉุกเฉิน: กรณีท่อประปาแตกหรือมีการซ่อมบำรุงจนน้ำไม่ไหล คุณจะยังมีน้ำสำรองใช้ได้อย่างน้อย 1-2 วัน
- ช่วยยืดอายุการใช้งานปั๊มน้ำ: การสูบน้ำจากถังเก็บน้ำช่วยให้ปั๊มได้น้ำที่เต็มท่อเสมอ ไม่ต้องดูดอากาศเข้ามาซึ่งเป็นสาเหตุให้ปั๊มเสียหาย
- เป็นไปตามข้อบังคับ: การประปาไม่อนุญาตให้ติดตั้งปั๊มน้ำดูดตรงจากท่อประปาหลัก เพราะอาจดูดสิ่งสกปรกจากรอยรั่วภายนอกเข้ามาปนเปื้อนได้
- ช่วยพักตะกอน: ทำหน้าที่เป็นจุดพักตะกอนที่อาจปนมากับน้ำประปา ก่อนที่น้ำจะถูกสูบไปใช้งานในบ้าน
วิธีการคำนวณขนาดถังเก็บน้ำที่เหมาะสม
การเลือกขนาดถังเก็บน้ำที่ถูกต้อง ควรคำนวณจากจำนวนผู้อยู่อาศัยและปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ยต่อวัน โดยมีสูตรคำนวณง่ายๆ ดังนี้:
ขนาดถัง (ลิตร) = (จำนวนผู้อยู่อาศัย) x (ปริมาณการใช้น้ำต่อคนต่อวัน) x (จำนวนวันที่ต้องการสำรองน้ำ)
ข้อมูลประกอบการคำนวณ:
- ปริมาณการใช้น้ำเฉลี่ย: การประปานครหลวงแนะนำที่ 200 ลิตร/คน/วัน
- จำนวนวันที่ควรสำรอง: แนะนำให้สำรองไว้อย่างน้อย 1-2 วัน
ตัวอย่าง: บ้านพักอาศัย 4 คน ต้องการสำรองน้ำไว้ใช้ 2 วัน
ขนาดถังที่เหมาะสม = 4 คน x 200 ลิตร x 2 วัน = 1,600 ลิตร
ดังนั้น ควรเลือกซื้อถังเก็บน้ำขนาด 1,600 ลิตร หรือขนาดใกล้เคียงที่สูงกว่า เช่น 2,000 ลิตร