เกจวัดแรงดัน (Pressure Gauge) คืออะไร? ประเภทและวิธีเลือกใช้
ในระบบท่อและปั๊มน้ำทุกประเภท เกจวัดแรงดัน หรือ Pressure Gauge คืออุปกรณ์วัดผลที่สำคัญอย่างยิ่งยวด เปรียบเสมือน "ดวงตา" ของวิศวกรและผู้ดูแลระบบ ที่ช่วยให้เราสามารถมองเห็น "สุขภาพ" ของแรงดันภายในระบบได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที มันไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์เสริม แต่เป็นเครื่องมือวินิจฉัยชิ้นสำคัญที่ช่วยป้องกันความเสียหายต่อปั๊มน้ำ ตรวจจับการอุดตันในเส้นท่อ และทำให้มั่นใจได้ว่าระบบจะทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด
การทำความเข้าใจประเภท หลักการทำงาน และวิธีเลือกใช้งานเกจวัดแรงดันที่ถูกต้อง จึงเป็นความรู้พื้นฐานที่ขาดไม่ได้สำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับระบบปั๊มน้ำ
ประเภทของเกจวัดแรงดัน: แบบแห้ง VS แบบมีน้ำมัน เลือกใช้อย่างไรให้เหมาะสม?
ในงานอุตสาหกรรมและระบบปั๊มน้ำโดยทั่วไป เราจะพบเกจวัดแรงดัน 2 ประเภทหลัก ซึ่งมีความแตกต่างกันทั้งในด้านโครงสร้าง คุณสมบัติ และความเหมาะสมกับการใช้งานอย่างชัดเจน:
1. เกจวัดแรงดันแบบแห้ง (Dry Pressure Gauge)
เป็นเกจวัดแรงดันพื้นฐานที่ภายในหน้าปัดเป็นเพียงอากาศแห้ง ใช้กลไกบูร์ดอง (Bourdon Tube) ในการวัดแรงดัน เหมาะสำหรับงานทั่วไปที่ระบบไม่มีการสั่นสะเทือนรุนแรง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแรงดันอย่างรวดเร็ว (Pressure Spike) และติดตั้งในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้
- ข้อดี: ราคาประหยัด, หาซื้อง่าย, เหมาะกับงานวัดแรงดันลมหรือในระบบที่ไม่ซับซ้อน
- ข้อเสีย: เข็มวัดจะสั่นไหวอย่างรุนแรงหากติดตั้งบนเครื่องจักรที่มีการสั่นสะเทือน ทำให้อ่านค่าได้ยากและอาจสร้างความเสียหายต่อกลไกภายใน, หากติดตั้งในบริเวณที่มีความชื้นหรืออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงบ่อย อาจเกิดฝ้าหรือไอน้ำภายในหน้าปัดบดบังการอ่านค่า
2. เกจวัดแรงดันแบบมีน้ำมัน (Oil-Filled Pressure Gauge)
เป็นเกจประสิทธิภาพสูงที่ภายในหน้าปัดถูกเติมด้วยของเหลวหนืด เช่น กลีเซอรีน (Glycerin) หรือ ซิลิโคนออยล์ (Silicone Oil) ซึ่งของเหลวนี้ทำหน้าที่สำคัญหลายประการพร้อมกัน
- ข้อดี:
- ลดการสั่นสะเทือน (Dampening): น้ำมันจะช่วยหน่วงการเคลื่อนที่ของเข็ม ทำให้เข็มนิ่งและอ่านค่าได้ง่ายแม้ติดตั้งในจุดที่มีการสั่นสะเทือนสูง
- หล่อลื่นและยืดอายุการใช้งาน: น้ำมันช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนกลไกที่เคลื่อนไหวภายใน ลดการสึกหรอและยืดอายุการใช้งานของเกจได้อย่างมีนัยสำคัญ
- ป้องกันแรงดันกระชาก (Shock Resistance): ช่วยลดผลกระทบจากแรงดันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Pressure Spike) ซึ่งอาจทำให้เกจแบบแห้งเสียหายได้
- ป้องกันความชื้นและฝ้า: การเติมน้ำมันจนเต็มจะป้องกันไม่ให้อากาศและความชื้นเข้าไปภายใน จึงไม่เกิดปัญหาฝ้าที่หน้าปัด
- ข้อเสีย: มีราคาสูงกว่าแบบแห้ง
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับปั๊มน้ำทุกประเภท ซึ่งมักมีการสั่นสะเทือนและอาจเกิดแรงดันกระชากได้เสมอ **การเลือกใช้เกจวัดแรงดันแบบมีน้ำมัน (Oil-Filled) ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว** เนื่องจากให้ความแม่นยำที่เชื่อถือได้และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ามาก
หลักการเลือกใช้งาน Pressure Gauge อย่างมืออาชีพ
การเลือกเกจวัดแรงดันให้เหมาะสมกับงาน ควรพิจารณาปัจจัยสำคัญ 5 ประการต่อไปนี้:
- ย่านการวัด (Pressure Range): เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ควรเลือกเกจที่มีย่านการวัดสูงสุด (Full Scale) สูงกว่าแรงดันใช้งานปกติในระบบประมาณ 2 เท่า หรืออย่างน้อย 30% เหตุผลคือเพื่อให้เข็มวัดอยู่ในตำแหน่ง 10-11 นาฬิกาบนหน้าปัด ซึ่งเป็นช่วงที่เกจมีความแม่นยำสูงสุด และเพื่อเผื่อระยะความปลอดภัย (Safety Margin) สำหรับแรงดันกระชากที่อาจเกิดขึ้นในระบบ
- ขนาดหน้าปัด (Dial Size): เลือกขนาดที่เหมาะสมกับระยะการอ่านค่า หากติดตั้งในจุดที่ผู้ควบคุมต้องยืนดูจากระยะไกล ก็ควรใช้หน้าปัดขนาดใหญ่ (เช่น 4 นิ้ว หรือ 6 นิ้ว) เพื่อให้มองเห็นตัวเลขและขีดวัดได้อย่างชัดเจน
- ชนิดและวัสดุของเกลียว (Connection): ตรวจสอบขนาดเกลียว (เช่น 1/4", 1/2") และตำแหน่งของเกลียว (ออกล่าง หรือ ออกหลัง) ให้ตรงกับจุดติดตั้ง นอกจากนี้วัสดุของเกลียวก็มีความสำคัญ โดยทั่วไปเกลียวทองเหลือง (Brass) เหมาะกับงานน้ำประปา แต่หากเป็นน้ำเค็มหรือของเหลวที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ควรเลือกใช้เกลียวสแตนเลส (Stainless Steel)
- วัสดุตัวเรือน (Case Material): ตัวเรือนที่ทำจากสแตนเลสจะมีความทนทานต่อการกัดกร่อนและสภาพแวดล้อมในโรงงานอุตสาหกรรมได้ดีกว่าตัวเรือนเหล็กหรือพลาสติก
- สภาพแวดล้อมการติดตั้ง: ดังที่กล่าวไปข้างต้น หากติดตั้งในบริเวณที่มีการสั่นสะเทือน, มีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิสูง, หรือมีความชื้นสูง ควรเลือกใช้เกจแบบมีน้ำมันเสมอ